[31] Non-steroidal anti-inflammatory drugs (NSAID) นั้นได้แก่แอสไพริน นาพร็อกเซน และไอบูโพรเฟน ยาเหล่านี้ที่เป็นยาแก้ปวด ยาลดไข้ และยาลดการอักเสบ ซึ่งอาจจะทำให้บางคนนั้นเป็นแผลในกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใช้เป็นเวลานานๆ หรือใช้ในปริมาณมาก หากคุณใช้ยาในกลุ่ม NSAID สำหรับรักษาอาการที่มีอยู่ ให้พูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับยาอื่นๆ ที่คุณควรใช้แทน (เช่น อะเซตามิโนเฟน) 3 หลีกเลี่ยงความเครียด.
รักษาแผลในกระเพาะอาหาร เรื้อรัง - หมอนัท - YouTube
ฝรั่ง ฝรั่งมีสารแทนนินอยู่มาก สารนี้มีฤทธิ์ฝาดสมาน และสารแทนนินในฝรั่งยังยับยั้งการลุกลามของเชื้อโรค ช่วยสมานท้องและลำไส้ โดยช่วยลดอาการอักเสบของกระเพาะลำไส้ และช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ทั้งยังช่วยอาการเกร็งตัวของลำไส้ ทำให้อาการปวดท้องบรรเทาลงได้ ดังนั้นใครเป็นโรคกระเพาะอาหารก็กินฝรั่งบรรเทาอาการได้เลยค่ะ 10.
ลูกยอ ลูกยอมีฤทธิ์ขม โดยสรรพคุณเด่นของลูกยอจะช่วยรักษาโรคกรดไหลย้อนได้ดีกว่า ทว่าผลจากการใช้ลูกยอรักษาโรคกรดไหลย้อนยังดีต่อกระเพาะอาหารด้วย เนื่องจากสารในลูกยอจะช่วยเร่งการสมานแผลของกระเพาะอาหาร ทั้งยังช่วยลดการอักเสบเฉียบพลันของกระเพาะอาหารเนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์อีกด้วย 5. เปล้าน้อย เปล้าน้อยเป็นสมุนไพรที่มีสาร Disterpene alcohol มีฤทธิ์สมานแผลในกระเพาะอาหารได้เป็นอย่างดี และยังสามารถรักษาแผลในกระเพาะอาหารเนื่องจากสามารถกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อบุลำไส้ที่เสียไป ทำให้แผลในกระเพาะอาหารหายเร็วขึ้น รวมทั้งเปล้าน้อยยังมีสรรพคุณช่วยลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารได้อีกด้วยนะคะ โดยวิธีใช้ให้นำใบอ่อนไปตากแห้ง บดให้ละเอียด และนำมาต้มหรือชงน้ำดื่ม 6. หัวปลี หัวปลีไม่ได้เป็นแค่สมุนไพรบำรุงน้ำนมของแม่ลูกอ่อนเท่านั้น แต่ยางจากหัวปลียังมีฤทธิ์ช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหารให้เราได้ด้วย โดยวิธีใช้ให้นำปลีกล้วยน้าว้ามาเผา แล้วบีบเอาแต่น้ำ กะให้ได้ประมาณครึ่งแก้ว ดื่มก่อนอาหาร รสชาติอาจจะกินยากหน่อยแต่โบราณบอกว่า ถ้ากินติดต่อกันได้ 3 วันอาการของโรคกระเพาะอาหารอาจหายขาดเลยเชียวล่ะ 7. มะขามป้อม มะขามป้อมมีรสเปรี้ยว ฝาด ขม รสชาติคล้ายสมอไทย โดยมะขามป้อมเองก็มีสรรพคุณช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ลดกรดเกินในกระเพาะอาหาร และบำรุงอวัยวะในร่างกายได้หลายส่วนรวมทั้งกระเพาะอาหารด้วย ซึ่งวิธีกินมะขามป้อมรักษาโรคกระเพาะให้กินผงลูกมะขามป้อมวันละ 4 ครั้ง ครั้งละ 1-2 ช้อนชา ก่อนอาหารและก่อนนอน 8.
ขมิ้นชัน น้ำมันหอมระเหยในขมิ้นชันมีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืด แน่นจุกเสียด ขับลม จึงนิยมนำขมิ้นมาใช้สมานแผลในกระเพาะอาหาร ทำความสะอาดลำไส้ รักษาโรคกระเพาะอาหาร โดยคนที่ซื้อขมิ้นชันแบบผงมารับประทานเอง ให้ใช้ขมิ้นชันผง 1 ช้อนชา ผสมน้ำ 1 แก้ว (ไม่เต็ม) แล้วรับประทาน ขมิ้นชันที่ไหลผ่านอวัยวะภายในต่าง ๆ สามารถบำรุงอวัยวะส่วนนั้นได้ด้วย คือ ผ่านลำคอ จะช่วยขับไล่ไรฝุ่นที่ลำคอ, ผ่านปอดจะช่วยดูแลปอดให้หายใจได้ดีขึ้น, ผ่านม้ามจะช่วยลดไขมัน ไม่ให้น้ำเหลืองเสีย, ผ่านกระเพาะอาหารจะช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร, ผ่านลำไส้จะช่วยสมานแผลในลำไส้ และผ่านตับก็จะช่วยบำรุงตับ ล้างไขมันในตับ 2. ว่านหางจระเข้ วุ้นสดของ ว่านหางจระเข้ มีสรรพคุณช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้ดี โดยวิธีใช้ให้เลือกใช้ใบล่างสุดของต้นก่อน นำมาล้างน้ำให้สะอาด ปอกเปลือกสีเขียวออก ล้างน้ำยางสีเหลืองออกให้หมด เพราะอาจระคายเคืองผิวหนังและทำให้มีอาการแพ้ได้ จากนั้นขูดเอาวุ้นใสมารับประทานวันละ 2 ครั้ง 3.
ฟลาโวนอยด์นั้นพบในพืชหลายชนิดและเป็นสารประกอบออแกนิกของรงควัตถุทางชีวภาพ ฟลาโวนอยด์นั้นจะจัดการกับอนุมูลอิสระ ซึ่งหมายความว่ามันจะปกป้องสารเคลือบกระเพาะอาหารเหมือนสารต้านอนุมูลอิสระ [5] [6] อาหารที่อุดมด้วยฟลาโวนอยด์นั้นได้แก่ บลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ พีช แอปเปิ้ล ส้ม มะเขือเทศ ขึ้นฉ่ายฝรั่ง ถั่วดำ ชาดำ ชาเขียว ชาอู่หลง เบียร์ 3 ดื่มน้ำคั้นจากหัวกะหล่ำปลี. แม้ว่ามันจะเป็นเครื่องดื่มที่ไม่ค่อยพบกันทั่วไป น้ำคั้นจากหัวกะหล่ำปลีนั้นได้ผลอย่างยิ่งในการรักษาแผลในกระเพาะอาหาร กะหล่ำปลีนั้นอุดมด้วยแบคทีเรียที่จะผลิตกรดแลคติก แบคทีเรียเหล่านี้นั้นสำคัญต่อการต่อสู้และทำลายแบคทีเรียที่ทำให้เกิดแผล [7] คุณควรดื่มน้ำหัวกะหล่ำปลี 50 มิลลิลิตร 2 ครั้งต่อวันเมื่อท้องว่าง น้ำหัวกะหล่ำนั้นสามารถทำเองที่บ้านได้โดยใช้เครื่องคั้นน้ำผลไม้หรือจะซื้อมาจากตลาดหรือร้านขายสินค้าเพื่อสุขภาพ 4 บริโภคผลิตภัณฑ์จากแครนเบอร์รี่. [8] [9] เป็นที่รู้กันว่าแครนเบอร์รี่นั้นสามารถจัดการกับ H. pylori ได้ งานวิจัยแสดงผลว่าน้ำแครนเบอร์รี่นั้นใช้ได้ดีในการป้องกันแบคทีเรียที่ไม่ดีไม่ให้ไปที่สารเคลือบกระเพาะอาหาร คุณสามารถดื่มน้ำแครนเบอร์รี่ ทานแครนเบอร์รี่สด หรือทานอาหารเสริมจากแครนเบอร์รี่ (มีขายที่ร้านขายยาหรือร้านขายวิตามิน) 5 ทานมันเทศเนื้อขาว.