โชว์ต้นประดู่ปลูกเองกับมือที่หัวนอน คุณหมอสันต์ครับ พ่ออายุ 58 ปี ป่วยเป็น Infective endocarditis with severe MR with CHF และตรวจพบ HbsAg positive แต่ยังไม่ได้ตรวจเพิ่มเติมละเอียด ยังไม่ได้ ultrasound ตับ หมอแจ้งว่าต้องผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ มีตัวเลือก 2 ชนิด คือลิ้นแบบโลหะและลิ้นแบบเนื้อเยื่อ พ่อผมเลือกไม่ถูก จะโยนเหรียญหัวก้อยครับ ……………………………………….. ตอบครับ 1. ข้อมูลที่ส่งมานั้นครบถ้วนดีมาก ผมสรุปการวินิจฉัยจากข้อมูลทั้งหมดที่ส่งมาว่าคุณพ่อเป็นโรคต่อไปนี้ 1. 1. ลิ้นหัวใจไมทรัลอักเสบติดเชื้อ (infective endocarditis) และมีกระจุกเชื้อ (vegetation) ที่พร้อมจะหลุดไปอุดหลอดเลือดในที่ต่างๆได้ 1. 2. ลิ้นหัวใจไมทรัลรั่วแบบเฉียบพลันระดับรุนแรงมาก 1. 3. หัวใจล้มเหลวและน้ำท่วมปอดจากลิ้นหัวใจรั่วเฉียบพลัน 2. แผนการรักษาที่คุณหมอวางไว้ว่าจะผ่าตัดเพื่อเอากระจุกเชื้อโรคออกและเปลี่ยนลิ้นหัวใจใหม่นั้นก็แทบจะเป็นทางเลือกทางเดียวที่มีอยู่ เพราะทางเลือกอื่นคือการไม่ผ่าตัดนั้นเป็นทางเลือกที่ไม่ควรเลือกเพราะจะมีความเสี่ยงเสียชีวิตสูง (80%) จากการติดเชื้อในกระแสเลือด การที่กระจุกเชื้อหลุดลอยไปทำให้เป็นอัมพาต และการเกิดหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันซ้ำซาก 3.
ศ.
หญิง 42 ปี เหนื่อยหอบง่าย ตรวจพบว่ามีลักษณะของการทำงานหัวใจล้มเหลว ฟังหัวใจไม่ได้ยินเสียง murmur แต่ CXR พบว่ามีหัวใจโตมาก, EKG มีหัวใจห้องล่างซ้ายหนา ทำ Basic echocardiography พบมี LVEF 18% แต่ที่สะดุดตาคือมี mitral regurgitation jet วิ่งกลับเข้ามาในหัวใจห้องลบนซ้ายเต็มทั้งห้องเลย ซึ่งเท่าที่ทำมาเพิ่งเคยเห็นมากที่สุดคือครั้งนี้ครับ จึงนำภาพมาให้ดู และเมื่อเทียบกับภาพด้านล่าง เทียบได้เท่ากับ 4+ หรือ severe mitral regurgitation Parasternal long axis view
มีน้อยในอาหารธรรมชาติแต่ร่างกายได้มาจากแสงแดด ดังนั้นช่วงนี้ต้องขยันออกแดด เปิดแขนเปิดขาอ้าซ่ารับพลังงานจากแสงอาทิตย์ทุกวัน ถ้าไม่มีแดดให้ออกก็ควรกินวิตามินดี. ทดแทน อาจจะกินตามขนาดอาหารแนะนำ (recommended dietary allowance) คือวันละ 400-800 IU แต่บ้างก็มีสูตรการกินของตัวเองเป็นสองเท่าสามเท่าหรือแม้กระทั่งสิบเท่าของ RDA อันนั้นเรื่องของใครของมันแล้วครับ 4.
ขนาดน้อย พบประมาณร้อยละ ๘o ของพวกปัญญาอ่อน (DSM-III) ผู้ป่วยจะสามารถเรียนได้ สามารถมีทักษะในการสังคมและการติดต่อสื่อสารในวัยก่อนเข้าโรงเรียน (อายุ ๐-๕ ปี) มีปัญหาในด้าน sensorimotor น้อย และมักจะเห็นไม่ชัดว่าแตกต่างจากเด็กปกติจนกระทั่งอายุมากขึ้น จะเรียนได้ประมาณชั้นประถมปีที่ ๖ ในวัยผู้ใหญ่จะมีทักษะทางสังคมและในงานอาชีพเพียงขั้นต่ำ และจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำหรือการช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาสังคมหรือ ปัญหาเศรษฐกิจ ข. ขนาดปานกลาง พบประมาณร้อยละ ๑๒ ของพวกปัญญาอ่อน (dsm-iii) ผู้ป่วยกลุ่มนี้สามารถฝึกอบรมได้ ในวัยเก่อนเข้าโรงเรียนเขาจะสามารถพูดหรือติดต่สื่อสารกับผู้อื่นได้ แต่จะไม่รู้ว่าอะไรควรหรืออะไรไม่ควรตามที่สังคมเขาถือกัน อาจฝึกให้ทำงานและดูแลตัวเองได้ เมื่อมีผู้แนะนำ เรียนได้เพียงชั้นประถมปีที่ ๒ สามารถเดินทางไปในที่ๆ คุ้นเคยได้ตามลำพัง ในวัยผู้ใหญ่อาจทำงานที่ไม่ต้องอาศัยความชำนาญพิเศษ หรืองานที่ไม่ต้องอาศัยความชำนาญเลยได้ แต่ต้องมีผู้แนะนำใกล้ชิด ค. ขนาดรุนแรง พบประมาณร้อยละ ๗ ของพวกปัญญาอ่อน (dsm-iii) ในวัยก่อนเข้าโรงเรียนจะพบการพัฒนาทางการเคลื่อนไหวและการพูดช้า ภาษาพูดก็ไม่สื่อความหมาย ในวัยเข้าโรงเรียนอาจเรียนที่จะพูดและฝึกเกี่ยวกับอนามัยเบื้องต้นได้ แต่ไม่สามารถฝึกอาชีพ เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่อาจทำงานง่ายๆ ได้ถ้ามีผู้แนะนำใกล้ชิด ง.